วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2567

Adobe Illustrator โปรแกรมวาดภาพกราฟิกแบบเวกเตอร์ ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทอะโดบีซิสเต็มส์ ไฟล์ AI กับไฟล์ EPS แตกต่างกันอย่างไร

Adobe Illustrator (ภาษาไทย: อะโดบี อิลลัสเตรเตอร์) เป็นโปรแกรมวาดภาพกราฟิกแบบเวกเตอร์ ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทอะโดบีซิสเต็มส์ รุ่นแรก ถูกพัฒนาขึ้นในปี ค.ศ. 1986 เพื่อใช้งานกับเครื่องแมคอินทอช และได้พัฒนารุ่นที่ 2 ออกมาให้ใช้งานได้กับวินโดวส์ ซึ่งได้รับความพึงพอใจ และ การตอบรับที่ดีจากผู้ใช้เป็นจำนวนมาก จนปัจจุบันได้พัฒนาออกมาจนถึงรุ่นที่ 17 และได้รวบรวมเข้าไปเป็น 1 ในโปรแกรมชุด Adobe Creative Suite

Adobe Illustrator ไฟล์ AI กับไฟล์ EPS แตกต่างกันอย่างไร

ไฟล์ EPS คืออะไร
EPS ย่อมาจาก Encapsulated Postscript ซึ่งเป็นไฟล์เวกเตอร์ประเภทหนึ่งที่บันทึกและจัดเก็บรูปภาพ ข้อความ รวมถึงการออกแบบต่างๆ โดยคุณสามารถเปิดและแก้ไขใหม่ได้ตลอดเวลา ในช่วงแรกเริ่ม EPS เคยเป็นประเภทไฟล์รูปภาพ 2 มิติที่สำคัญซึ่งใช้สำหรับงานพิมพ์คุณภาพสูงและรูปภาพที่ฝังไว้ในหน้าเว็บเป็นหลัก

ไฟล์ AI คืออะไร
Adobe ออกแบบไฟล์ AI ให้เป็นรูปแบบเริ่มต้นสำหรับ Illustrator ไฟล์ AI สามารถดึงเอาศักยภาพของ Illustrator ออกมาได้มากที่สุด โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้งานกับรูปภาพเวกเตอร์ ไฟล์รูปภาพ AI นั้นมีข้อมูลและรายละเอียดอยู่มาก จึงเหมาะสำหรับใช้แก้ไขงานศิลปะหลังจากที่สร้างต้นฉบับเสร็จแล้ว ซึ่งไฟล์ AI แต่ละไฟล์สามารถเก็บอาร์ตบอร์ด (พื้นที่คล้ายผืนผ้าใบที่คุณสามารถใช้สร้างและแก้ไขภาพของคุณ) ไว้ได้มากมาย แต่ตัวไฟล์เองก็ถูกจำกัดให้มีเพียงหน้าเดียวเท่านั้น

ไฟล์ AI กับไฟล์ EPS แตกต่างกันอย่างไร
ไฟล์ EPS มีมานานกว่า มีขนาดใหญ่กว่า และยืดหยุ่นกว่าไฟล์ AI ในทางกลับกัน แม้ไฟล์ AI จะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็เก็บรายละเอียดได้มากกว่าไฟล์ EPS หากคุณต้องการจัดการขนาดของไฟล์ ไฟล์ AI ก็อาจเป็นรูปแบบไฟล์ที่เหมาะสำหรับคุณ ผู้คนจำนวนมากมองว่าไฟล์ AI เป็นส่วนย่อยของไฟล์ EPS ที่ปรับปรุงขึ้นและมีความซับซ้อนน้อยลง เนื่องจากไฟล์ AI รองรับเฉพาะเวกเตอร์เท่านั้น แต่แก้ไขได้ง่ายขึ้นและมีความเข้ากันกับซอฟต์แวร์ต่างๆ มากกว่า

เดิมที ไฟล์ EPS มีความเข้ากันกับซอฟต์แวร์ต่างๆ มากกว่าไฟล์ AI
แต่เมื่อโปรแกรมซอฟต์แวร์พัฒนากันมากขึ้นและเข้ากันกับไฟล์ประเภทต่างๆ ได้มากขึ้น ไฟล์ AI จึงกลายมาเป็นประเภทไฟล์ที่เข้าถึงได้มากกว่า การที่ไฟล์ประเภท AI เข้ากันได้อย่างดีเยี่ยมกับไฟล์ประเภท PDF นั้นทำให้คุณสามารถเปิดไฟล์ประเภทนี้ได้ง่ายกว่าไฟล์ประเภท EPS

ประวัติของไฟล์ EPS และ AI
Adobe Illustrator เปิดตัวในปี 1987 และกลายเป็นซอฟต์แวร์ออกแบบกราฟิกชั้นนำอย่างรวดเร็ว ในช่วงแรกที่เปิดตัว Illustrator ใช้ EPS เป็นรูปแบบไฟล์มาตรฐาน เมื่อมีการเปิดตัว Illustrator 9.0 ทาง Adobe ก็เริ่มเปลี่ยนจากการใช้ไฟล์ EPS มาเป็นไฟล์ PGF แทน ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นไฟล์ AI

ปัจจุบัน คุณสามารถใช้ได้ทั้งไฟล์ EPS และไฟล์ AI
ในการสร้างภาพวาด ภาพประกอบ การออกแบบ และอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานที่เรียบง่ายหรือซับซ้อนก็ตาม อย่างไรก็ดี ผู้ใช้ Adobe ส่วนมากยังคงนิยมใช้ AI กันอยู่เนื่องจากเป็นรูปแบบไฟล์กรรมสิทธิ์เฉพาะสำหรับ Illustrator

เวกเตอร์ เทียบกับ บิตแมป
รูปภาพบิตแมปคือแผนที่ของพิกเซล โดยแต่ละพิกเซลจะมีสีของตนเอง ซึ่งเมื่อรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่แล้วจะทำให้เกิดรูปภาพขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดขึ้นมา อย่างไรก็ตาม รูปภาพแบบพิกเซลนั้นปรับขนาดได้ยากเนื่องจากรูปภาพเหล่านี้ประกอบด้วยพิกเซลเดี่ยวๆ จำนวนมาก เมื่อคุณปรับขนาดรูปภาพแบบพิกเซลให้มีขนาดใหญ่กว่าที่ควรเป็น รูปภาพนั้นจะมีพิกเซลไม่เพียงพอที่จะรักษาคุณภาพไว้ได้ในขนาดใหม่

กราฟิกเวกเตอร์ใช้รูปทรงเรขาคณิตและสัดส่วนทางคณิตศาสตร์
ซึ่งอาศัยระบบของจุด เส้น รูปโค้ง เส้นโค้ง และรูปหลายเหลี่ยมในการสร้างรูปภาพขึ้นมา รูปภาพประเภทนี้เหมาะสำหรับการปรับขนาดเนื่องจากเส้นและรูปทรงที่เป็นรากฐานจะคงอัตราส่วนไว้ดังเดิมไม่ว่ารูปภาพจะมีขนาดเท่าใดก็ตาม

ไฟล์ EPS สามารถประมวลผลทั้งรูปภาพบิตแมปและเวกเตอร์ได้
ส่วนไฟล์ AI นั้นจะรองรับเฉพาะรูปภาพเวกเตอร์เท่านั้น

ความซับซ้อนของรูปภาพ
นักออกแบบจำนวนมากนิยมใช้รูปแบบเวกเตอร์โดยเฉพาะกับโครงการบางประเภทเนื่องจากรูปแบบนี้มีความแม่นยำ คุณภาพดี และปรับขนาดได้ คุณสามารถปรับให้เวกเตอร์มีขนาดเล็กเท่านามบัตรหรือขยายให้ใหญ่เท่าป้ายโฆษณาก็ได้ และทั้งสองขนาดก็จะมีคุณภาพสูงไม่ต่างกัน นอกจากนี้ ไฟล์ AI ยังมีคุณประโยชน์เพิ่มเติมในฐานะที่เป็นไฟล์ซึ่งเปี่ยมไปด้วยข้อมูล โดยไฟล์ประเภทนี้จะเก็บรายละเอียดของข้อมูลรูปภาพไว้ได้มาก คุณจึงแก้ไขรูปภาพได้ง่าย

ในแง่ของงานศิลปะ
ไฟล์ AI สามารถรองรับรูปภาพที่มีความซับซ้อนกว่าไฟล์ EPS ได้ ไฟล์ AI เพียงหนึ่งหน้าก็เก็บข้อมูลรูปภาพได้ทั้งหมดทั้งยังเก็บอาร์ตบอร์ดต่างๆ ได้มากมาย ไฟล์ AI จึงเป็นรูปแบบไฟล์ที่ปรับแต่งได้ง่าย

ความโปร่งใส
ข้อดีอีกประการหนึ่งของไฟล์ AI คือไฟล์ประเภทนี้รองรับความโปร่งใส หากใช้เป็นเลเยอร์ ความโปร่งใสจะช่วยนักออกแบบกราฟิกให้สร้างสรรค์งานศิลปะที่พวกเขาสามารถนำไปจัดวางไว้บนพื้นหลังต่างๆ ได้อย่างแนบเนียน ไม่ว่าพวกเขาต้องการจะให้รูปภาพปรากฏบนพื้นที่ใดก็ตาม เช่น โลโก้ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ เป็นต้น

กรณีการใช้งาน
แต่เดิมไฟล์ EPS ถูกนำไปใช้เพื่อฝังรูปภาพไว้บนเว็บไซต์และพิมพ์กราฟิกขั้นสูง ในปัจจุบัน JPEG, GIF และ PNG ได้มาแทนที่ EPS ในด้านการใช้งานบนเว็บไซต์ อย่างไรก็ตาม ไฟล์ EPS ยังคงมีประโยชน์สำหรับการพิมพ์ โดยเฉพาะสำหรับรูปภาพที่มีกราฟิกอันซับซ้อนและองค์ประกอบความละเอียดสูง

ไฟล์ AI นั้นเป็นที่นิยมสำหรับงานกราฟิกขนาดเล็ก โดยเฉพาะงานที่มีเส้นอันคมและสะอาด โดยนักออกแบบกราฟิกมักนำไฟล์ประเภทนี้มาใช้กับโลโก้ ไอคอน โปสเตอร์ และสิ่งพิมพ์ นอกจากนี้ Illustrator ยังมีประโยชน์สำหรับการออกแบบตัวอักษรหรือการสร้างแบบอักษรเช่นกัน และไฟล์ AI ก็ขึ้นชื่อว่าสามารถแสดงแบบอักษรได้อย่างแม่นยำอีกด้วย

ต่อไปในอนาคต
ไฟล์ AI เริ่มพบเห็นได้บ่อยกว่าไฟล์ EPS มากขึ้นเรื่อยๆ แม้ผู้คนจะยังคงใช้ไฟล์ EPS แต่นักออกแบบและนักวาดภาพประกอบก็สามารถสร้างรูปภาพประเภทเดียวกันนั้นในไฟล์ AI ได้อย่างง่ายดาย ในอนาคต ไฟล์ AI จะเป็นที่นิยมมากขึ้นเนื่องจากเป็นรูปแบบในระบบตามค่าเริ่มต้นของ Adobe Illustrator
ฉันจะแปลงไฟล์ JPEG เป็นไฟล์ EPS ได้อย่างไร
หากต้องการแปลงไฟล์ JPEG แบบราสเตอร์เป็นไฟล์ EPS แบบเวกเตอร์ด้วย Adobe Photoshop ให้ดำเนินการตามขั้นตอนง่ายๆ ต่อไปนี้

เปิด Adobe Photoshop แล้ว
1. เลือก File (ไฟล์) > Open (เปิด)

2. เลือกไฟล์ JPEG จากคอมพิวเตอร์ของคุณ
3. เลือก File (ไฟล์) > Save As (บันทึกเป็น)
4. เลือก EPS จากเมนูดรอปดาวน์ File Types (ประเภทไฟล์) แล้วคลิก Save (บันทึก)
5. เลือกการตั้งค่าของคุณในแผงตัวเลือก EPS คลิกที่ OK (ตกลง) แล้วคลิก Export (ส่งออก)

ฉันจะแปลงไฟล์ PDF เป็นไฟล์ AI ได้อย่างไร
ให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อแปลงไฟล์ PDF เป็นไฟล์ AI ด้วย Illustrator

เปิด Illustrator
1. เลือก File (ไฟล์) > Open (เปิด) แล้วเลือกไฟล์ PDF ของคุณ
2. เลือก File (ไฟล์) > Save As (บันทึกเป็น)
3. เลือก AI จากเมนูดรอปดาวน์ File Types (ประเภทไฟล์)
4. เลือก Export (ส่งออก)

AI เทียบกับ EPS
1. ไฟล์ประเภทใด เปิดด้วยแอปพลิเคชั่นได้จำนวนมากกว่า ?
EPS ยังคงเป็นประเภทไฟล์เข้ากันได้กับแอปพลิเคชันจำนวนมากกว่า ไฟล์ประเภทนี้เป็นแบบโอเพนซอร์ส ซึ่งหมายความว่าใครๆ ก็สามารถนำไปโค้ดหรือพัฒนาได้ ในทางกลับกัน AI เป็นรูปแบบกรรมสิทธิ์เฉพาะของ Adobe Illustrator ถึงอย่างนั้น โปรแกรมกราฟิกต่างๆ ที่สามารถเข้าถึง เปิด และใช้ไฟล์ AI ได้ก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

2. สามารถเปิดไฟล์ EPS ด้วย illustrator ได้หรือไม่ ?
คุณสามารถเปิดและดูไฟล์ EPS ด้วย Illustrator ได้ แต่คุณจะไม่สามารถแก้ไขได้เว้นแต่ว่าจะนำเข้าไฟล์การออกแบบต้นฉบับ ทางที่ดีที่สุดคือให้สร้างและแก้ไขไฟล์ของคุณด้วย Illustrator หรือโปรแกรมการออกแบบอื่นก่อน แล้วจึงบันทึกไฟล์เป็น EPS เพื่อการพิมพ์โดยเฉพาะ

credit https://www.adobe.com/th_th/creativecloud/file-types/image/comparison/ai-vs-eps.html

วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2567

วัดโฆสิตาราม ชัยนาท - หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร พระเกจิอาจารย์ดังแห่ง อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท บัตรรับรองพระแท้ วัตถุมงคล

 



ประวัติวัดโฆสิตาราม

.. วัดโฆสิตาราม ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๙ หมู่บ้านบ้านเเค ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท 
มีเนื้อที่ ๓๕ไร่ ตั้งอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอสรรคบุรี ๑๕ กิโลเมตร อายุประมาณ 
๑๐๐ปีเศษ เดิมเป็นวัดร้าง ชื่อวัดขวิด ตั้งอยู่ในป่า มีกุฎิสองหลัง หลังคามุงเเฝก 
พอประชุมปั้นหยามุงเเฝกเช่นกัน ก่อนหลวงพ่อกวย มีเจ้าอาวาสมาเเล้ว ๕ รูป 
หลวงพ่อกวย เป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๖ เหตุที่ชื่อวัดขวิด เพราะเนื่องจากทำเลเป็นที่ดอน
เเละมีต้นมะขวิดขึ้นอยู่ เเต่คนเก่าๆเเก่เรียกวัดบ้านเเค ตามชื่อของหมู่บ้านคือบ้านเเค 
ต่อมาสมัยที่หลวงพ่อกวยเป็นเจ้าอาวาส ท่านจึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดโฆสิตาราม

.. วัดโฆสิตาราม ชัยนาท - หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร - http://watkositaram.com 
ติดตามเพจเเผยแพร่ข่าวสาร http://Facebook.com/watkhositaram.chainat 
.. สันนิษฐานว่าหลวงพ่อกวย ท่านคงมีเเรงบันดาลใจมาจากการที่ท่านได้สร้าง
พระพุทธพิมพ์ ซึ่งมีรูปเเบบเหมือนกับของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต แห่งวัดระฆัง
โฆสิตาราม เเละในการสร้างพระหลวงพ่อยังได้ใช้ผงของสมเด็จโต วัดระฆังเป็น
ส่วนผสมด้วยผงวัดระฆังนี้ ลูกศิษย์หลวงพ่อได้ไปบวชที่วัดระฆัง ได้ค้นพบผงนี้เ
เล้วนำมาถวายหลวงพ่อ เพื่อเป็นรำลึกถึงสมเด็จโต หลวงพ่อจึงเปลี่ยนชื่อวัดใหม่
ให้เป็นศิรินาม เเละเป็นมงคล

ลำดับเจ้าอาวาส ตามคำบอกเล่าวัดนี้มีเจ้าอาวาสมาก่อนเเล้ว ๕ รูป
เเต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน ที่มีหลักฐานเเน่ชัดตามดังนี้
๑.หลวงพ่อกวย ชุตินธโร (เจ้าอาวาสรูปที่๖ พ.ศ.๒๔๙๑ ถึง ๒๕๒๒)
๒.พระอธิการสำรวย อัคคฺปญฺโญ (เจ้าอาวาสรูปที่๗ พ.ศ.๒๕๒๒ ถึง ๒๕๓๕)
๓.พระครูโฆสิตพัฒนคุณ (บุญยัง ฐานวโร พ.ศ.๒๕๓๕ ถึง ปัจจุบัน)

หลวงพ่อโต
หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ปูนปั้นประจำวัด เรียกกันว่า หลวงพ่อโต 
หรือพระพุทธเจ้าในวิหาร ที่ฐานวิหารเขียนไว้ว่า สร้างเมื่อพ.ศ.๒๔๗๓ ถือเป็น
สิงศักดิ์สิทธิ์คู่วัด ชอบรับบนด้วยประทัด ปัจจุบันวิหารเก่าที่ด้วยมุงสังกะสีนั้น 
ทางวัดได้ทำการบูรณะใหม่เเล้ว โดยสร้างวิหารใหม่ครอบองค์หลวงพ่อโต เเละ
มีระฆังล้อมรอบวิหาร สวยงามมาก
ที่มา

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2567

2025 แจกเว็บโพสต์ฟรี เลื่อนประกาศไดั มาร์เก็ต รีแลกซ์ ประกาศฟรีใหม่ๆ โปรโมทเว็บไซต์ ลงโฆษณาฟรี ประกาศขายฟรี 2568

 


2025 #เว็บไซต์ #เว็บบอร์ด #ลงประกาศ #แจ้งข่าว #โพสต์ฟรี #ซื้อขาย
#โปรโมทเว็บ #ลงโฆษณา #โพสต์ออนไลน์ฟรี ที่ยังพอหลงเหลือ 2568

https://marketrelax.com
https://market.kapook.com
https://talung.gimyong.com
https://sales.laokankha.com
https://kidsaraburi.com/forum
https://forum.overclockzone.com
http://marketplace.khaosod.co.th
https://classifieds.thairath.co.th/th
http://verygoodpost.com/webboard
https://lcdtvthailand.com/webboard
http://fcmarket.lnwshop.com/webboard
http://artmarket.lnwshop.com/webboard
http://artmedia.plazathai.com/webboard
http://garcemarket.lnwshop.com/webboard
http://guitarthai.com/webboard/webboard.asp
https://amiscenter.com
https://www.kaidee.com
http://pantipmarket.com
https://www.asiaads.net
https://jatujakonline.com
https://thaibizcenter.com
https://thaimarketcenter.com
http://talad.me
http://taladx.com
https://ooppost.com
http://postjeng.com
https://postsmiles.com
http://centerpostthai.com
http://silalaengnews.com
https://postfreeonline.xyz
http://www.wattajuk.com
https://dokthai.com
https://www.betads.net
https://onlineoops.com
https://www.cmprice.com
https://www.market2easy.com
http://www.thaicenterway.com
http://www.โฆษณาสินค้าออนไลน์.com
http://talad.me
http://be2hand.com
http://sawasdmarket.com
https://www.kidsaraburi.com
https://www.be2hand.com
https://www.praram2.com
https://www.bangkok99.com
https://www.financesod.com
https://www.cmfreepost.com
http://www.classifiedthailand.net
http://www.taladonline-thailand.com
https://โปรโมทเว็บไทย.com
http://kaisod.com
http://onsalesod.com
http://beautysod.com
http://marketsod.com
http://prakardsod.com
http://financesod.com
http://shoppingsod.com
http://posttogather.com
http://streetkai.com
http://taradkai.com
https://posttogather.com
https://www.deedee-shop.com
https://www.adsdealfree.com
https://www.clickdealfree.com
https://www.quickdealfree.com
https://www.takra2u.com
https://www.likeshopping.net
https://www.trangplaza.com
https://www.worldplazamall.com

โพสต์ฟรี,ประกาศฟรีใหม่ๆ,เลื่อนประกาศได้, โปรโมทเว็บไซต์,ฝากร้านฟรี,เว็บลงประกาศฟรี,ประกาศฟรี,ลงโฆษณาฟรี,ประกาศฟรีขายฟรี,ลงประกาศฟรีกรุงเทพ,รวมเว็บลงประกาศฟรี,ลงประกาศฟรีออนไลน์,เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ,ลงประกาศขายฟรี, ลงประกาศงานฟรี, ลงประกาศซ้อขายฟรี,ลงประกาศฟรี 100,โพสฟรี 100

วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ร้านอาหาร อัญญา เพลส เราตั้งใจทําให้ลูกค้า รู้สึกเหมือน นั่งทานอาหารที่บ้านของเราที่ “บ้านอัญญา” บริการส่งอาหาร ของกินย่านฝั่งธน ย่านเลียบคลองทวีวัฒนา ศาลายา พุทธมณฑลสาย 4

 

ร้านอาหาร อัญญา เพลส 02 800 3533 email. toon@anyaplace.com
ลูกค้าทุกคนมีความสำคัญดั่งแขก ที่มาเยี่ยมที่บ้านของเรา วัตถุดิบไปจนถึง
ขั้นตอนการปรุงอาหาร บริการในร้าน ที่นั่งกลางแจ้ง และส่งตามบ้านท่าน
เลือกหาคัดสรรตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึบริการงลูกค้า เราตั้งใจทําให้ลูกค้า
รู้สึกเหมือน นั่งทานอาหารที่บ้านของเราที่ “บ้านอัญญา” บริการส่งอาหาร
ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา ศาลายา พุทธมณฑลสาย 4 กรุงเทพฯ-นครปฐม 
 
 
ร้านอาหาร,อัญญา เพลส,เลียบคลองทวีวัฒนา,ศาลายา,พุทธมณฑลสาย4,กรุงเทพฯ-นครปฐม,
ส่งตามบ้าน,ปรุงอาหาร,บัตรสมาชิก,บัตรส่วนลด,เรสเตอรอง,อาหารตามสั่ง,ของกินฝั่งธน

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ยุคธุรกิจเปิดเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ 8 อุปสรรคในการขายสินค้าออนไลน์ และ เทคนิคการแก้ไขปัญหา

1. หน้าเว็บไม่อัปเดต หรือไม่มีเวลาอัปเดตสินค้า

ปกติการจัดสต็อคหน้าร้าน เมื่อสินค้าหมดอาจจะทำง่าย ๆ เพียงแค่วิ่งไปหยิบของมาเติมก็จบแล้ว แต่การขายสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ย่อมต้องมีการอัปเดตแบบเรียลไทม์ เช่น หากคุณขายเสื้อผ้าแฟชั่น ต้องมีการเช็คสต็อคในทุกแพลตฟอร์มที่ลูกค้าเข้ามาช้อปสินค้า ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Line OA หรือแม้แต่เว็บไซต์ การจัดการทางแพลตฟอร์มอื่น ๆ อาจมีคนคอยจัดการให้ได้ แต่หน้าเว็บไซต์หากไม่มีการอัปเดต เมื่อลูกค้าคลิกสั่งซื้ออาจทำให้เกิดปัญหาในขั้นตอนต่อไปได้ และด้วยความที่เป็นแพลตฟอร์มเว็บไซต์เมื่อลูกค้าไม่ได้ติดต่อกับมนุษย์โดยตรง ทำให้มีโอกาสออกจากหน้าเว็บไปเลย

วิธีแก้ไข : เลือกใช้แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่มีการอัปเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น หากคุณเพิ่มจำนวนสต็อคสินค้าเรียบร้อย จำนวนก็จะลดลงตามยอดการสั่งซื้อ ลูกค้าจะทราบได้ทันทีหากสินค้าหมดคลัง

R-Shop ร้านค้าออนไลน์ E-Commerce เว็บไซต์ Stock สินค้า

(ตัวอย่างการตั้งค่าการแสดงสต็อคสินค้าจากแพลตฟอร์ม R-Shop)

2. โปรโมชั่นของคู่แข่งน่าสนใจกว่า

( ฟีเจอร์ Promotion Popup ของ R-Widget )

ช่วงเทศกาลพิเศษทีไร คู่แข่งที่ขายสินค้าประเภทเดียวกันหรือทำธุรกิจบริการคล้าย ๆ กัน จะต้องได้ซีนไปทุกทีด้วยข้อเสนอที่ดึงดูดใจ ไม่ว่าจะเป็นลดราคาตัดหน้าที่แรงกว่า ซึ่งทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้ออย่างไม่ลังเล หรือเคยเจอไหมที่ลูกค้ามีการแจ้งให้ทราบด้วยว่า ทำไมไม่จัดโปรโมชั่นแรงกว่านี้ คู่แข่งลดเยอะกว่ามาก แต่ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างอาจทำให้ไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ

วิธีแก้ไข : เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะเคยเผลอใจ อดไม่ได้ที่จะปรับลดราคาลงตามคู่แข่งไปด้วย ทั้งที่ต้นทุนสินค้าของเราอาจมีมูลค่ามากกว่า แต่ Readyplanet ไม่แนะนำ ก่อนอื่นต้องสำรวจสินค้าหรือบริการของเราก่อน พูดง่าย ๆ คือหากคุณรู้สึกว่าแบรนด์ของคุณมีจุดเด่นหรือสินค้ามีความแตกต่าง ในแง่ของวัสดุ คุณภาพ สิ่งนี้เองที่จะเป็นการสร้างจุดเด่นและความแตกต่าง เช่น หากกระเป๋าบางรุ่นของคู่แข่งลดราคา 30% แต่จากการที่คุณได้สำรวจตลาด กระเป๋าร้านนี้อาจมีอายุการใช้งานไม่ถึง 1 ปี เทียบกับกระเป๋าของร้านคุณแล้วใช้งานได้มากถึง 3 ปี แต่อาจมีการลดราคาได้เต็มที่ 10% ตรงนี้ควรนำมาเป็นจุดขายเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจว่า แบรนด์ไหนที่จะตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด ดังนั้นยึดมั่นในจุดยืนและอย่าลืมฟังเสียงของผู้บริโภคด้วย

3. ขาดเครื่องมือในการวิเคราะห์สถิติและเก็บ Insights

การทำธุรกิจแบบไม่มีจุดหมายและขาดการวิเคราะห์ ก็เปรียบเหมือนกับการแล่นเรือไหลตามกระแสน้ำไปเรื่อย ๆ ไม่ได้มีการวางแผนหรือกำหนดทิศทางลม ไม่รู้ว่าปลายทางคืออะไร ดังนั้นการทำธุรกิจออนไลน์หรือแม้กระทั่งออฟไลน์เองก็ตาม ผู้ประกอบการบางท่านมักลืมการวิเคราะห์ตลาดของธุรกิจหรือบริการไป เพราะบางครั้งเข้าใจหลักการแต่ขาดเครื่องมือที่จะช่วยรวบรวมข้อมูล หรือต้องโฟกัสอยู่กับการจัดการซื้อขาย ทำให้ไม่มีเวลาสนใจวิเคราะห์ตลาด ผลลัพธ์การขายหรือแม้กระทั่งคู่แข่งเอง

วิธีแก้ไข : ลองมองหาเครื่องมือที่ช่วยประหยัดเวลาและช่วยคาดการณ์ (Forecast) ยอดขายเพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับธุรกิจ เช่น ช่วยแสดงผลลัพธ์ Sales Pipeline Report จำนวนยอดขายที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเดือนนั้น ๆ เป็นต้น ในส่วนนี้ R-Insights ของ Readyplanet สามารถแสดงผลออกมาได้หากคุณทำการซื้อขายบนเว็บไซต์ การวิเคราะห์ตลาดจะไม่ใช่เร่องยากอีกต่อไป

 

4. ไม่เข้าใจลูกค้า เลือกใช้โฆษณาไม่ตรงกลุ่ม

การทำโฆษณาออนไลน์ย่อมควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์ มีธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่มักเลือกการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ด้วยโฆษณาอย่าง Facebook, Google Ads เพื่อช่วยให้เกิด Conversion ใด ๆ ก็ตามและนำไปสู่การสั่งซื้อในที่สุด ซึ่งบางครั้งการทำโฆษณาไม่ได้เกิดจากการวิเคราะห์ลูกค้าและไม่เข้าใจอย่างแท้จริง ทำให้เลือกใช้โฆษณาคนละประเภทหรือกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่ใช่ เช่น ธุรกิจของคุณขายอุปกรณ์เบเกอรี่และต้องการให้ลูกค้าเป็นร้านค้าที่มีกำลังซื้อ กลุ่มเป้าหมายจึงเป็นการทำการตลาดออนไลน์ลักษณะ B2B แต่เลือกทำโฆษณาผ่าน Facebook และเลือกความสนใจแฟชั่น เป็นต้น ทำให้ไม่ได้กลุ่มคนที่ต้องการมาซื้อสินค้า และคนที่ใช่ก็ไม่มีโอกาสได้รู้จักร้านค้าของคุณเช่นกัน

วิธีแก้ไข : เลือกใช้โฆษณาให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย โดยการศึกษาพฤติกรรมลูกค้าและความเหมาะสมในแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น หากทำอุปกรณ์เบเกอรี่ การพาลูกค้าคลิกไปยังเว็บไซต์เพื่อดูสินค้าแต่ละ Category ดูจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ที่สุด จึงเลือกทำโฆษณาผ่านหน้าเพจ Facebook แบบ Conversion เลือกปลายทางเป็นเว็บไซต์ เป็นต้น หรือหากคุณยังไม่แน่ใจว่าธุรกิจนั้นเลือกทำโฆษณาได้ถูกต้องหรือไม่ เราแนะนำปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสมตรงตามจุดประสงค์จะดีที่สุด

5. ตอบแชทไม่ทัน ลูกค้าไม่รอ

เทคนิคตอบแชท live chat

ปัญหาใหญ่ที่หลาย ๆ ธุรกิจมักจะเจอ หลังจากทำโฆษณาและนำกลุ่มเป้าหมายมายังแพลตฟอร์มบวกกับสินค้าหรือบริการของคุณน่าสนใจ ทำให้ลูกค้าสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมากจนหลังบ้านไม่สามารถจัดการหรือตอบคำถามได้ทันท่วงที ปัญหาที่ตามมาคือลูกค้าไม่รอและพร้อมช้อปและโอนเงินทันทีให้กับคู่แข่งของเราที่ตอบคำถาม เช็กสต็อค แจ้งราคาได้รวดเร็วกว่า

วิธีแก้ไข : หากธุรกิจของคุณมีการขายบนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Facebook หรือ Line เราแนะนำให้ตั้ง Greeting Message หรือข้อความอัตโนมัติ (ข้อความต้อนรับ) ที่จะช่วยรับหน้ากับลูกค้าเบื้องต้น และแจ้งว่าทางร้านจะรีบตอบกลับให้ไวที่สุด สามารถแจ้งเรื่องที่ต้องการสอบถามได้เลย หรืออีกวิธีที่จะช่วยประหยัดเวลาได้มากขึ้นคือการทำ Saved Replies (ใน Facebook Messanger) คือการรวบรวม FAQ หรือคำถามยอดนิยมที่พบบ่อย เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกค้าสอบถามก็เลือกส่งคำตอบได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มรูปภาพได้ในคำตอบด้วย

6. ไม่มีข้อมูลลูกค้าเก่า จัดเก็บไม่เป็นระบบ

R-Shop Order Management

ข้อมูลลูกค้าหรือพฤติกรรมลูกค้าถือว่าสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่สามารถนำไปต่อยอดการตลาดออนไลน์ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง Customer Loyalty ด้วยการทำแคมเปญหาลูกค้าคนพิเศษแบบส่วนตัว เช่น การส่ง SMS แจ้งโปรโมชั่นให้ลูกค้า การทำโฆษณาแบบ Personalization จากพฤติกรรมการช้อป แต่ปัญหาคือระบบใด ๆ ที่ใช้อยู่ไม่สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าหรือคุณไม่ได้เก็บข้อมูลไว้เลย 

วิธีแก้ไข : ควรสร้างข้อมูลลูกค้าเก็บไว้ เช่น การจัดทำ Order Management หรือสร้างไฟล์ข้อมูลลูกค้า จะช่วยบอกได้ว่าลูกค้าคนนี้กลับมาซื้อซ้ำบ่อยแค่ไหน หรือมีพฤติกรรมการช้อปแบบใด และมีแนวโน้มจะช้อปสินค้าใดต่อไป อีกวิธีที่ง่ายขึ้นคือเลือกใช้เครื่องมือสำเร็จรูปที่เก็บข้อมูลและช่วยประหยัดเวลา สามารถจัดการข้อมูลลูกค้าแบบไม่ต้องสร้างไฟล์ Excel ให้ยุ่งยาก เป็นต้น

7. ไม่มีระบบติดตามการสั่งซื้อ

R-Shop Order Management Readyplanet

เคยไหม หลังจากลูกค้าทำการซื้อสินค้ากับคุณผ่านหน้าเว็บไซต์หรือแพตลฟอร์มใดก็ตาม จะมีคำถามว่า ส่งสินค้าหรือยัง ? จะได้รับประมาณวันไหน ? หรือมีเลขพัสดุให้ตรวจสอบรึยังคะ ? พร้อมคำถามอีกมากมายที่ลูกค้าต้องการตรวจสอบและติดตามพัสดุ ซึ่งหากธุรกิจของคุณขาดส่วนนี้ไปย่อมเหมือนลดความน่าเชื่อถือและสร้างความกังวลใจให้กับลูกค้า ส่งผลไปยังการตัดสินใจซื้อครั้งต่อไปเป็นอย่างมาก

วิธีแก้ไข : ร้านค้าออนไลน์หรือธุรกิจของคุณควรมี ระบบ Order Tracking หรือระบบติดตามสถานะสินค้า เพราะถ้าหากร้านค้าของคุณมียอดขายที่ดีและลูกค้าสอบถามจำนวนมากในแต่ละวัน ย่อมไม่มีแน่หากต้องมานั่งไล่เช็กและตอบคำถามทีละคน ดังนั้นการมีเว็บไซต์เป็นช่องทางหลักในการขายสินค้าหรือบริการ พร้อมระบบติดตามสถานะที่สามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่การชำระเงิน ไปถึงการจัดส่งสินค้า จะช่วยให้ลูกค้าตรวจสอบสถานะพัสดุได้เอง ทำให้ประหยัดเวลาในการจัดการไปได้มากเลยทีเดียว แถมลูกค้ายังอุ่นใจกับการช้อปและสร้างความเชื่อมั่นได้ดีอีกด้วย

8. ขาดการสร้าง Brand Loyalty

หากคุณเคยปวดหัวและไม่เข้าใจกับพฤติกรรมลูกค้า ที่อาจเคยเข้ามาดูหน้าเว็บไซต์สินค้าของคุณ ทำการซื้อสินค้า แต่ถึงเวลาโอกาส Return กลับมาของลูกค้ากลุ่มเดิม พบว่ามีเปอร์เซ็นต์ทีน้อยมาก ทั้งที่เรามั่นใจว่าสินค้าหรือบริการของเรานั้นได้คุณภาพและคุ้มค่ากับราคาที่ลูกค้าจ่ายไปแน่นอน หากพบปัญหานี้แปลว่า ธุรกิจของคุณยังขาดการสร้าง Brand Loyalty อย่างแน่นอน การไม่กลับมาซื้อซ้ำเป็นอุปสรรคในการเพิ่มยอดขายเลยทีเดียว ข้อนี้จะแก้อย่างไร?

วิธีแก้ไข : อันดับแรกควรสร้างสิ่งที่ดึงดูดใจที่จะช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าต่อในระยะยาว ถึงแม้ว่าการมาช้อปสินค้าหน้าเว็บเพราะลูกค้าชื่นชอบสินค้าและคุณภาพ แต่ระหว่างนั้นควรตั้งคำถามก่อนว่า ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในการเลือกช้อปรึเปล่า (Customer Experience) เช่น การคลิกหน้าเว็บไซต์ หรือเพิ่มสินค้าลงตะกร้า หากระบบพอใช้งานได้แต่มีความยุ่งยากในตอนท้าย หรือที่สุดแล้วระบบไม่มีการแจ้งให้ติดตามสถานะพัสดุ ลองคิดในมุมกลับกันว่า หากคุณเป็นลูกค้าจะอยากกลับมาใช้ซ้ำหรือไม่ ? ดังนั้นการมีแพลตฟอร์มสร้างร้านค้าออนไลน์ออนไลน์ที่ดีและใช้งานราบรื่นจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ลูกค้าคลิกเลือกสินค้า นำไปสู่การจ่ายเงินและติดตามโดยไม่เกิดปัญหา หรืออีกวิธีคือการทำโปรโมชั่นดึงดูดใจ เช่น ระบบสะสมแต้มด้วยเบอร์โทร ช่วยดึงให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการซ้ำ ๆ เพื่อรับสิทธิ์พิเศษหรือแลกของรางวัลที่น่าดึงดูดใจนั่นเอง

เทคนิคการแก้ไขปัญหาที่พบจากการขายของออนไลน์เหล่านี้ คงจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการให้นำไปพิจารณาและหาทางออก ปรับกลยุทธ์กันใหม่เพื่อให้ธุรกิจของคุณ Go Online ต่อได้อย่างราบรื่นไม่สะดุด อย่าลืมว่านอกจากเราจะต้องสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ มีสินค้าหรือบริการที่แข็งแรงแล้ว การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและพาลูกค้ามายังร้านค้าออนไลน์ของคุณเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน 

จะเห็นได้ว่าทั้งหมดทั้งมวลก็เปรียบเหมือนการทำการตลาดแบบรอบด้านที่ครบครัน โดยเฉพาะหากเป็นเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์แล้ว แพลตฟอร์มการขายออนไลน์จึงควรเป็นหน้าร้านที่พร้อมเปิด 24 ชั่วโมง อย่าง R-Shop แพลตฟอร์มสร้างร้านค้าออนไลน์ ที่มาพร้อมเครื่องมือการตลาดแบบ All-in-One ทำเว็บไซต์ เพิ่มช่องทางการขายใหม่ ออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง สามารถเชื่อมต่อกับระบบสะสมแต้ม PointSpot, Order Management, R-Widget ปุ่มติดต่ออัจฉริยะสำหรับเว็บยุคใหม่, R-CRM แพลตฟอร์มบริหารทีมขาย, Chatday และอีกมากมาย ที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพให้ธุรกิจสามารถรองรับลูกค้าได้ทันทีตั้งแต่วันแรกที่เริ่มออนไลน์

   ยุคนี้หลาย ๆ ธุรกิจเริ่มหันมาเปิดเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น จริงอยู่ที่ว่าทุกอย่างเป็นไปได้ง่ายขึ้น เช่น สามารถติดต่อหรือทำการซื้อขายได้อย่างสะดวกสบาย หรือประหยัดเวลาในการเดินทาง ผู้ประกอบการไม่ต้องเสียพลังงานไปกับการจัดการหน้าร้านให้วุ่นวายเหมือนเมื่อก่อน แต่ถึงอย่างนั้น การซื้อขายออนไลน์ที่มักมีลูกค้าเข้ามาแวะเวียนไม่ซ้ำกันในแต่ละวันย่อมต้องเจอกับอุปสรรคหรือต้องรับมือกับการแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะจากบุคคลหรือด้วยระบบของการทำ Online Marketing เองก็ตาม Readyplanet เชื่อว่าหลายคนย่อมต้องพบเจอกับเหตุการณ์ที่เป็นปัญหาเหล่านี้ จึงรวบรวมอุปสรรคของการขายสินค้าออนไลน์พร้อมเทคนิคในการแก้ไขปัญหาเพื่อนำไปปรับใช้ได้กับแต่ละธุรกิจ

Credit.. https://blog.readyplanet.com/17721577/8-ecommerce-problems-and-solutions

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

Facebook, Instagram, TikTok, X, YouTube หรือ LINE ช่องทางโซเชียลมีเดีย จข้อดีและข้อเสียของการใช้ Social Media ปัจจุบันพื้นฐานใช้งานสื่อออนไลน์

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Social Media หรือสื่อสังคมออนไลน์ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, TikTok, X, YouTube หรือ LINE ช่องทางโซเชียลมีเดียเหล่านี้กลายเป็น “พื้นที่” ในการติดต่อสื่อสาร เข้าถึงข้อมูล ไปจนถึงการประกอบอาชีพ และยิ่งเราใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียได้มากเท่าไร เราก็ยิ่งเข้าถึงโอกาสในโลกยุคใหม่ได้มากขึ้นเท่านั้น วันนี้เราเลยอยากพากทุกคนมาสำรวจข้อดีและข้อเสียของการใช้ Social Media ในปัจจุบันซึ่งเป็นพื้นฐานที่จะช่วยให้เราใช้งานสื่อออนไลน์ได้ชำนาญมากขึ้น

ตัวอย่าง 7 ข้อดีของการใช้ Social Media

1. ใช้ Social Media ในการศึกษาหาความรู้

ข้อดีของโซเชียล คือ Social Media เป็นพื้นที่แห่งข้อมูลข่าวสาร และสื่อการเรียนรู้ที่อัพเดทแทบจะตลอดเวลา ทั้งจากองค์กรสื่อ สำนักข่าว นักวิชาการ และกูรูอิสระ เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการอัพสกิล หรือเพิ่มความรู้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

2. ใช้ Social Media ช่วยสร้างโปรไฟล์บนโลกออนไลน์

การมีโปรไฟล์ที่ดีบนโซเชียลมีเดียช่องทางต่าง ๆ จะช่วยสร้างภาพจำในแง่บวกให้กับคนรู้จัก รวมถึงคนอื่น ๆ ที่อาจจะกลายเป็น Connection คนสำคัญของเรา ณ จุดใดจุดหนึ่งของชีวิต ยิ่งเราสร้างโปรไฟล์ที่ดีไว้แต่เนิ่น ๆ ก็ยิ่งช่วยเป็นต้นทุนให้เราไปต่อได้ในระยะยาว

3. ใช้ Social Media ในการหางาน

ตอนนี้หลายบริษัททั้งในไทยและต่างประเทศ เริ่มรับสมัครพนักงานผ่านโซเชียลมีเดียกันแล้ว แพลตฟอร์มสุดฮิตก็คงหนีไม่พ้น LinkedIn ที่ช่วยให้บริษัทสามารถ Connect กับคนที่กำลังมองหางานได้โดยตรง อีกช่องทางที่มาแรงก็คือ Facebook Page และ Facebook Group ที่รวมกลุ่มคนที่กำลังมองหางาน หรือกลุ่มคนที่ทำสายอาชีพเดียวกัน มาแนะนำงานต่อกันเป็นทอด

4. ใช้ ​Social Media ในการทำธุรกิจ และทำการตลาด

Social Commerce หรือการขายของผ่านโซเชียลมีเดียเป็นที่นิยมมากในไทย เพราะทั้งสะดวกสบาย ไม่มีค่าใช้จ่ายในการตั้งร้าน แถมยังช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขาย สามารถติดต่อผ่านแชทได้โดยตรง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือเคลมสินค้าก็ทำได้ง่าย โดยแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมในการทำ Social Commerce และการตลาด ได้แก่ Facebook, Instagram, LINE และ TikTok

5. ใช้ Social Media ในการทำงาน

Social media ช่วยให้พนักงานสามารถพูดคุยติดต่อ ประชุม และส่งงานได้อย่างง่ายดาย รองรับนโยบาย Work from home หรือการทำงานแบบ Hybrid ของหลายบริษัทในขณะนี้ ช่วยลดเวลา และปัญหาจากการสื่อสารได้เป็นอย่างดี

6. ใช้ Social Media ในการประชาสัมพันธ์

โซเชียลมีเดียสามารถใช้สื่อสารกับคนจำนวนมากได้ในระยะเวลาอันจำกัด หลายคนจึงอาศัยช่องทางเหล่านี้ในการประชาสัมพันธ์ โปรโมตสินค้า งาน PR และอีเวนต์ต่าง ๆ อีกทั้งการทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียลก็มีราคาที่ถูก และยืดหยุ่นกว่าการโฆษณาแบบอื่นอีกด้วย

7. ใช้ Social Media ในการสร้าง Content

Content บนโซเชียลมีเดียจะมีความสนุกสนาน และสร้างสรรค์ได้หลากหลายรูปแบบมากกว่าช่องทางอื่น ๆ หลายคนสามมารถเพิ่มยอดผู้ติดตามจาก content ที่ทำ จนกลายเป็น Influencer, Content Creator หรือ TikToker ที่ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ต่าง ๆ ได้ โดยแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดได้แก่ TikTok, Facebook, และ Instagram


ตัวอย่าง 7 ข้อเสียของการใช้ Social Media

ข้อดีและข้อเสียของ social media

1. Social Media ทำให้เราลดการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

หากเรามัวแต่ก้มหน้าเล่นมือถือ เราอาจเสียความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัว ยิ่งเห็นเราไม่สนใจ หลายคนก็อาจเลือกที่จะเลิกชวนเราพบปะ หรือไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตจริงไปเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นการเล่นโซเชียลมีเดียควรมาพร้อมขอบข่ายเวลาที่เหมาะสม

2. Social Media ทำให้เราขาดความมั่นใจ

ในโลกของสังคมออนไลน์ ทุกคนล้วนแสดงให้เห็นแต่ด้านดีของตัวเอง ซึ่งเรามักจะเผลอเก็บมาเปรียบเทียบกับตัวเอง เราจึงควรระลึกไว้เสมอว่าสิ่งที่เราเห็นใซเชียลมีเดียนั้นไม่ใช่ความจริงทั้งหมด และความสำเร็จของคนอื่นไม่ได้เป็นสิ่งที่ตัดสินความสำเร็จในชีวิตของเรา

3. Social Media ทำให้เราเป็นคนชอบตัดสินคนอื่น

เพราะในโลกสังคมออนไลน์ เราไม่ได้รู้จักกับผู้คนอย่างสนิทใจ หลายคนเป็นคนที่ไม่ได้มีความสำคัญกับเรานัก เราจึงมีความกล้าในการวิจารณ์พวกเขาอย่างรุนแรงมากกว่าคนที่รู้จักและพบเจอกันในชีวิตจริง เราจึงควรไตร่ตรองให้ดีก่อนโพสต์อะไรลงไปทุกครั้ง

4. Social Media ทำให้เราสุขภาพแย่ลง

ทั้งสุขภาพจิตจากการเห็นคำวิจารณ์หรือความเห็นแย่ๆ และสุขภาพกายที่เกิดจาการจ้องจอเป็นเวลานาน รวมถึงอาการคอบ่าไหล่จากการก้มหน้าดูมือถือ เราจึงควรเลือกเสพ Content ที่สร้างสรรค์ และหยุดเล่นโซเชียลมีเดียระหว่างวันเพื่อให้ร่างกายและดวงตาได้พักบ้าง

5. Social Media ทำให้เราเสียเวลาชีวิต

โซเชียลมีเดียออกแบบมาให้ผู้ใช้งานเสพติดได้ง่าย (Addictive) หลายคนจึงใช้เวลามากกว่า 5-6 ชั่วโมงต่อวันในการเล่นมือถือโดยไม่รู้ตัว การกำหนดเวลา Screen Time ของตัวเองในแต่ละวัน จะช่วยให้เราสามารถแบ่งเวลาไปจัดการ และโฟกัสเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตได้ดีขึ้น

6. Social Media ทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่เดียว

เพราะ Algorithm ของโซเชียลแพลตฟอร์มปัจจุบัน จะเน้นส่ง Content ที่ตรงกับความสนใจของเรา หรือแนะนำให้เราติดตามเพจ/คน ที่มีความสนใจคล้ายๆ กับเรา จนเราอาจเผลอคิดไปว่าโลกนี้เต็มไปด้วยคนที่มีความคิดเหมือนเรา ดังนั้นการเสพสื่อให้หลากหลาย และมากกว่าแค่ในโซเชียลมีเดียจึงสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

7. Social Media ทำให้คนสามารถวิจารณ์ธุรกิจหรือสินค้าของเราในที่สาธารณะได้

ถือเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียวสำหรับแบรนด์ และเจ้าของธุรกิจ เมื่อเจอลูกค้าที่โพสต์ความเห็นในแง่ลบบนพื้นที่โซเชียลแพลตฟอร์ม ซึ่งกลายเป็นประเด็นใหญ่ได้ในชั่วข้ามคืน 

mandala ai ฟรี

ปัจจุบันเรามี เครื่องมือ Social Listening และ Social Monitoring ที่เปิดให้ใช้งานฟรี ที่ช่วยให้การจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ลองใช้แล้วฝึกให้ชำนาญ จะเป็นผลดีกับแบรนด์หรือธุรกิจในยุคการตลาดโซเชียลแน่นอน แต่หากมองวิกฤตให้เป็นโอกาส การที่เราหมั่นสอดส่องความเห็นในแง่ลบ และช่วยลูกค้าแก้ปัญหาอย่างจริงใจ ก็ช่วยยกภาพลักษณ์ธุรกิจ และซื้อความไว้ใจกลับมาได้เช่นกัน

ใช้สื่อ Social Media อย่างมีสติ ต่อยอดการใช้ประโยชน์ในอนาคต

Social Media ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม หากเลือกใช้อย่างถูกวิธี ก็จะนำพาเราไปสู่โอกาสและความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด แต่หากใช้ผิดวิธี ก็จะกลายเป็นบ่อนทำลายสุขภาพกายและใจของเราในระยะยาวได้เช่นกัน หวังว่าบทความของเราในวันนี้ จะช่วยให้หลายคนเข้าใจสื่อสังคมออนไลน์ และนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับชีวิตประจำวันได้มากขึ้น